เสริมจมูก มีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่ ? แนะนำข้อควรรู้ก่อนทำจมูก

“เสริมจมูก” ถือเป็นศัลยกรรมความงามยอดฮิตตลอดกาลของหนุ่มสาวเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าหากจมูกของเรารับกับใบหน้าพอดีก็จะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูสวยขึ้น มีมิติมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย สำหรับบทความนี้ Medmetic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเกี่ยวกับการเสริมจมูกแบบเจาะลึก เน้น ๆ กันไปเลยค่ะว่า เสริมจมูกมีกี่แบบ ทำจมูกราคาเท่าไร รวมถึงข้อควรรู้ทุกเรื่องก่อนทำจมูก ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลยค่ะ!
เสริมจมูก คืออะไร ?

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือการศัลยกรรมเพื่อตกแต่งรูปทรงจมูกให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น ปรับแต่งจมูกให้โด่งขึ้น สวยขึ้น ตกแต่งปลายจมูก โดยมีวิธีการผ่าตัดเสริมวัสดุต่าง ๆ เช่น ซิลิโคน หรือกระดูกหลังหู เป็นต้น สำหรับเทคนิคการเสริมจมูกที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ เทคนิคการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
นอกเหนือจากการเสริมจมูกเพื่อความงามแล้ว การเสริมจมูกยังสามารถแก้ไขปัญหารูปจมูกที่ผิดปกติได้ด้วยนะคะ เช่น จมูกเบี้ยว จมูกไม่ได้สัดส่วนทั้งจากความบกพร่องแต่กำเนิด หรือจากอุบัติเหตุ รวมถึง แก้จมูก ที่ผ่านการศัลยกรรมมาก่อน แต่ยังไม่พึงพอใจ
การเสริมจมูกสามารถแก้ปัญหาใดได้บ้าง
การเสริมจมูกสามารถช่วยแก้ไขทรงจมูกเดิมให้สวยขึ้น มีมิติ เพิ่มความโด่ง ปลายพุ่ง รับกับใบหน้าของเราค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหารูปทรงจมูกแบบไหน การเสริมจมูกจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมเลย
1. จมูกทรงชมพู่ หรือ ปลายจมูกใหญ่ การเสริมจมูกแบบเปิดจะสามารถปรับโครงสร้าง ตัดแต่งกระดูกอ่อนที่ใหญ่หรือเป็นส่วนเกินออกไป เพื่อให้ปลายจมูกเรียวเล็กลง ทรงจมูกสวยขึ้น
2. จมูกไม่มีสัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความโด่งอย่างเป็นธรรมชาติ
3. จมูกสั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการเสริมจมูกแบบเปิดได้ค่ะ โดยการเปิดจมูกเพื่อแก้โครงสร้างใหม่ข้างใน เพื่อปรับแต่งทรงจมูกในแบบที่เราต้องการ ทำให้ปลายจมูกยาวและพุ่งขึ้นกว่าเดิมได้ สามารถอ่านบทความ เสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Recon) ได้ที่นี่ คลิก
4. ปีกจมูกกว้าง สำหรับคนที่ต้องการเสริมจมูก แต่มีปัญหาปีกจมูกกว้างไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ เพราะสามารถตัดปีกจมูกไปพร้อมกับการเสริมจมูกได้ในคราวเดียวกัน
5. จมูกมีฮัมพ์ การเสริมจมูกจะช่วยแก้ไขฮัมพ์สูง แก้ไขจมูกงุ้ม เสริมให้ปลายพุ่งเชิดขึ้น
รีวิวเสริมจมูก กับ Medmetic
รีวิวเสริมจมูกจากเคสผู้ใช้บริการจริง จะเห็นได้ว่าทั้งก่อนและหลังเสริมจมูกกับทาง Medmetic ใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ
รีวิวเสริมจมูก พร้อมตะไบฮัมพ์+รองปลายเนื้อเยื่อก้นกบ by MEDMETIC

รีวิวเสริมจมูก พร้อมตะไบฮัมพ์+รองปลายเนื้อเยื่อก้นกบ+ตัดปีกจมูก by MEDMETIC

รีวิวเสริมจมูก พร้อมตะไบฮัมพ์+รองปลายกระดูกอ่อนหลังหู+ตอกฐาน by MEDMETIC

เสริมจมูกมีทั้งหมดกี่แบบ

เสริมจมูกมีทั้งหมดกี่แบบ? สำหรับเทคนิคเสริมจมูกทาง Medmetic จะแบ่งหลัก ๆ ด้วยกัน 3 แบบดังนี้ค่ะ

1. เสริมจมูกเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
เทคนิคเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) คือเทคนิคการเสริมจมูกโดยการเปิดจมูกเข้าไปเพื่อปรับโครงสร้างจมูกโดยตรง ทำให้ปรับแต่งทรงจมูกได้สะดวก รวมถึงแก้ไขปัญหาโครงสร้างภายในได้ครบทุกปัญหา สามารถยืดผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น ทำให้เพิ่มปลายพุ่งได้มากกว่าเดิม การเสริมจมูกแบบโอเพ่นนี้จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังเสริมจมูกที่ได้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
การเสริมจมูกแบบโอเพ่นเหมาะกับคนที่มีโครงสร้างสันจมูกนูน ไม่ได้สัดส่วน จมูกกว้าง ฮัมพ์สูง ฐานจมูกใหญ่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมจมูกทรงหยดน้ำ อีกทั้งยังใช้ในกรณีที่มีจมูกมีความผิดปกติร่วมด้วย เช่น จมูกงุ้ม สั้นเกินไป หรือดั้งจมูกโค้ง โก่ง งอ เป็นต้น
2. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty)
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) คือเทคนิคการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นโดยการใช้ซิลิโคนจมูก หรือวัสดุอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน สามารถเหลาและปรับแต่งรูปทรงได้ตามความต้องการ การผ่าตัดมีความซับซ้อนน้อยเนื่องจากไม่ต้องปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูก หากคนไข้ไม่มีปัญหาโครงสร้างกระดูก หรือไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงฐานจมูกมากสามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนได้เลย อีกทั้งหลังทำจะมองไม่เห็นรอยแผลจากการผ่าตัดด้วยค่ะ การเสริมจมูกแบบปิดนี้เหมาะกับผู้ที่มีโครงสร้างเดิมดีอยู่แล้ว และมีเนื้อหุ้มหนาพอสมควร แต่ต้องการเพิ่มความโด่งหรือยืดส่วนปลายให้ยาวขึ้น
สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับซิลิโคนจมูกว่าเป็นยังไง เกรดแบบไหนดี ปลอดภัยจริงไหม? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลยค่ะ: ซิลิโคนจมูก

3. เสริมจมูกแบบ Semi - Open
การเสริมจมูกแบบ Semi-Open หมายถึงวิธีการเปิดแผล โดยมีการเปิดแผลที่รูจมูกทั้ง 2 ข้าง และเสริมซิลิโคนจมูกเข้าไปตามแนวฐานกระดูกจมูก ซึ่งมีวิธีการทำคล้ายกับเทคนิคเสริมจมูกแบบปิด แต่จะสามารถเปิดแผลเพื่อมองเห็นโครงสร้างจมูกได้มากกว่าแบบปิด ทำให้ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ลดการเบี้ยว เอียงของซิลิโคน รวมถึงการเสริมจมูกแบบ Semi-Open นี้แพทย์ยังสามารถตอกฐานจมูก และตะไบตกแต่งฐานจมูกได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย
ศัลยกรรมเสริมจมูกเหมาะกับใคร
ผู้ที่สามารถทำศัลยกรรมจมูกได้ จะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละเคสด้วยนะคะ ดังนั้นก่อนเข้ารับการเสริมจมูกควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อน รวมถึงช่วยออกแบบทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้าของแต่บุคคลมากที่สุด
1. ผู้เข้ารับการเสริมจมูกควรมีอายุ 18-20 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงอายุนี้จมูกจะมีการเจริญเติบโตที่เต็มที่แล้ว
2. ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
3. หากมีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
4. ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาจมูกทรงเดิม หรือเสริมจมูกเช่น จมูกเบี้ยว ไม่มีดั้ง
5. เหมาะกับผู้ที่ต้องการจมูกรูปทรงไอดอล
เสริมจมูกตอกฐาน คือ ?

การตอกฐานจมูก (Nose Osteotomy) คือเทคนิคการบีบหรือทุบกระดูกแกนจมูก เพื่อทำให้กระดูกแยกออกจากฐานแล้วจึงบีบให้ฐานแคบเข้ามา โดยการตอกฐานจมูกนี้จะช่วยแก้ปัญหาบริเวณฐานจมูกได้ เช่น ฐานจมูกไม่เท่ากัน ฐานจมูกใหญ่ หรือจมูกฮัมพ์ใหญ่ (Hump nose) ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีตอกฐานจมูกสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง กว้าง โค้ง ไม่เรียบ หรือไม่เท่ากัน เทคนิคการตอกฐานจมูกนี้จะช่วยให้การเสริมจมูกสวยยิ่งขึ้น ลดการเบี้ยว เอียงของซิลิโคน และปรับแต่งโครงสร้างรูปทรงจมูก
เนื้อโต จมูกโต ควรเสริมจมูกด้วยเทคนิคอะไร ?
สำหรับในเคสที่มีปัญหาจมูกโต เนื้อเยอะ ต้องการลดขนาดจมูกเพื่อให้เรียวสวย แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้เทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากแพทย์จะสามารถเข้าไปแก้ไขโครงสร้างจมูกข้างในโดยตรง แต่ถ้าหากอยากให้จมูกเรียวเล็ก ปลายพุ่ง และโด่งด้วย แพทย์จะแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนมาต่อส่วนจมูกจริงให้ยาวขึ้น
ข้อดี-ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด
เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด และการเสริมจมูกแบบปิดจะแตกต่างกันที่เทคนิคการผ่าตัด ทรงจมูก ระยะเวลาการพักฟื้น รวมไปถึงแผลหลังผ่าตัดค่ะ โดยข้อดีและข้อจำกัดของการเสริมจมูกทั้งสองเทคนิคมีรายละเอียดดังนี้
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
เทคนิคการเสริมจมูกแบบโอเพ่น มีข้อดีคือสามารถเปิดจมูกเข้าไปปรับแต่งโครงสร้างจมูกได้โดยตรง ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนทั้งหมด และมองเห็นแนวสันจมูกชัดเจน รวมไปถึงสามารถใช้เทคนิคยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูก และบีบเข้ามาเพื่อให้สันจมูกดูเล็กลงได้ ทำให้ผลลัพธ์หลังทำจมูกดูเป็นธรรมชาติ และสวยงาม
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบเปิด
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบเปิด หรือเสริมจมูกแบบโอเพ่นคือ จะใช้ระยะเวลาทำนานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด รวมถึงศัลยแพทย์ต้องมีความชำนาญ และเชี่ยวชาญในการผ่าตัดอย่างมาก นอกจากนี้แผลหลังผ่าตัดของเทคนิคแบบเปิดจะมีอยู่ทั้งในและนอกจมูก หลังทำจะเห็นเป็นรอยขีดเล็ก ๆ บริเวณกลางจมูกด้านล่างหรือตรงระหว่างจมูกด้านนอก ส่วนแผลด้านในจะอยู่บริเวณเยื่อบุด้านในโพรงจมูก แต่เมื่อเวลาผ่านไปแผลผ่าตัดจะค่อย ๆ จางลงจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิดมีข้อดีคือ ไม่ต้องวางยาสลบ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดไม่ซับซ้อน และการผ่าตัดรบกวนเนื้อเยื่อน้อย หลังทำสามารถตรวจทรงจมูกได้ทันที แผลหลังผ่าตัดจะซ่อนอยู่ในรูจมูก ไม่เห็นรอยแผลเป็น ดูแลรักษาหลังผ่าตัดไม่ยาก เหมาะกับผู้เสริมจมูกครั้งแรก และไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบปิด
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบปิดคือ แพทย์จะไม่สามารถปรับโครงสร้างของจมูกได้ ไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาจมูกที่ซับซ้อน เช่น จมูกงุ้ม จมูกสั้นเชิด เป็นต้น และไม่สามารถเสริมทรงจมูกให้โด่งหรือพุ่งมาก ๆ ได้ รวมถึงในอนาคตอาจมีความเสี่ยงเรื่องซิลิโคนทะลุ จมูกเบี้ยวได้ค่ะ ส่วนมากจึงนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อก้นกบมารองบริเวณปลายจมูก เพื่อลดปัญหาปลายจมูกทะลุ
ทาง Medmetic ได้ทำตารางสรุปข้อดี-ข้อจำกัดของการทำจมูกแบบเปิด และการทำจมูกแบบปิดไว้ดังนี้ มาดูกันเลยค่ะ!
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด | ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด |
ศัลยแพทย์สามารถเปิดแผลและเห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมด ทำให้แก้ไขและตกแต่งจมูกได้ดีกว่า | เน้นทำจมูกให้โด่งขึ้น |
เหมาะกับการเสริมจมูกทุกเคส | เหมาะสำหรับเคสเสริมใหม่ หรือเสริมครั้งแรก และไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูก |
ลดโอกาสปัญหาซิลิโคนทะลุ หรือจมูกเบี้ยวในอนาคต | ไม่ต้องวางยาสลบ |
สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกที่ผิดปกติได้ เช่น จมูกงุ้ม สั้น ฮัมพ์สูง เป็นต้น | หลังทำไม่เห็นรอยแผล เพราะแผลซ่อนอยู่ข้างในจมูก |
ดูแลรักษาไม่ยาก | |
มีราคาถูกกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด |
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบเปิด | ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบปิด |
การผ่าตัดมีความซับซ้อน ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนาน | ศัลยแพทย์ไม่สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้ จึงไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน |
หลังผ่าตัดมีแผลใต้จมูก รวมถึงแผลหลังใบหูจากการนำเอากระดูกอ่อนมาใช้ | ไม่สามารถเสริมจมูกให้โด่งหรือพุ่งมาก ๆ ได้ |
มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมจมูกแบบปิด | ในอนาคตอาจเสี่ยงเจอปัญหาซิลิโคนทะลุ จมูกเบี้ยว |
วัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูก

ในปัจจุบันวัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูกสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ ซิลิโคน กระดูกอ่อนหลังหู และเนื้อเยื่อของตนเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ซิลิโคน
การเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคนจมูกมีข้อดีคือ จะได้รูปทรงที่แน่นอน สามารถปรับให้เข้ากับทรงจมูกของคนไข้แต่ละเคสได้ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย แถมยังได้เสริมจมูกราคาไม่สูงมากด้วยค่ะ โดยซิลิโคนจมูกทรงต่าง ๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ
1. ซิลิโคนแบบเหลาเอง แพทย์จะต้องเป็นคนลงมือดีไซน์และเหลาซิลิโคนจมูก เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด ตัวซิลิโคนจะมีลักษณะเรียบลื่น ไม่เป็นขุย และยังสามารถแบ่งย่อยชนิดของซิลิโคนได้ตามความอ่อน-แข็งของซิลิโคนเสริมจมูก เช่น แข็ง ปานกลาง นุ่ม และนุ่มมาก เป็นต้น โดยการใช้ซิลิโคนแบบเหลาเองนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ร่วมด้วย
2. ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป จะเป็นซิลิโคนจมูกที่ขึ้นทรงมาให้เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ตามชื่อลักษณะทรงจมูก แต่ข้อเสียของการใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูปคือ ไม่เหมาะสำหรับทุกคนค่ะ เพราะไม่สามารถปรับแต่งรูปทรงซิลิโคนจมูกให้รับกับใบหน้าของเราได้
2. กระดูกอ่อนหลังหู

การใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู (Concha) มาเสริมจมูก นับได้ว่าเป็นวิธีที่หลายคนนิยมใช้กันมากที่สุด ตัวกระดูกหลังหูจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย สามารถนำมาเสริมปลายจมูกเพื่อลดโอกาสปลายทะลุได้ รวมถึงสามารถแก้ไขจมูกได้ในกรณีที่เสริมใหม่ หรือต้องการแก้ไขหลังเสริมจมูกไปแล้วก็ได้เช่นกัน หลังจากนำกระดูกอ่อนออกมาจากหลังหูจะไม่ทำให้ใบหูเปลี่ยนรูป หากคนไข้ท่านไหนใช้กระดูกอ่อนหลังหูอาจจะต้องเพิ่มการดูแลแผลหลังใบหูเพิ่มขึ้น
3. เนื้อเยื่อก้นกบ

การเสริมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ (Dermofet graft) จะช่วยแก้ไขปัญหารูปทรงจมูกต่าง ๆ ให้สวย โด่งเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถรองรับปลายซิลิโคนไม่ให้เกิดการทะลุได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกบาง หรือผู้ที่ต้องการเสริมปลายจมูกให้เป็นทรงหยดน้ำ
เสริมจมูกโดยใช้เนื้อเยื่อจากก้นกบมาเสริมปลายจมูกนั้นมีความปลอดภัยสูงค่ะ เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อของตัวเอง ทำให้โอกาสแพ้ หรือติดเชื้อก็จะน้อยลง นอกจากนี้ยังสามารถทำได้ทั้งการเสริมจมูกและการแก้จมูก
ทรงจมูกยอดนิยมในปี 2023

รีวิวเสริมจมูกทรงหยดน้ำ พร้อมตะไบปรับโครงสร้าง+รองปลายเนื้อเยื่อก้นกบ by MEDMETIC
สำหรับทรงจมูกธรรมชาติของคนไทย รวมไปถึงกลุ่มคนชาวเอเชียมักจะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่มีฐานจมูกเตี้ย และปีกจมูกกว้าง ซึ่งการศัลจมูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การทำให้จมูกโด่งขึ้น และตัดปีกจมูกให้แคบลง เพื่อทำให้จมูกดูเป็นทรงสวยมากขึ้นค่ะ โดยทรงจมูกยอดนิยมในปี 2023 มีด้วยกันดังนี้ค่ะ
1. จมูกทรงหยดน้ำ เป็นทรงจมูกที่มีการเสริมปลายจมูกให้ยาวขึ้น และคล้อยงุ้มลงมาเล็กน้อย เสมือนกับว่ามีหยดน้ำที่ปลายจมูกค่ะ โดยจมูกทรงหยดน้ำจะเหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกพอสมควร
2. จมูกทรงสโลปลายพุ่ง จะมีลักษณะสโลปตั้งแต่บริเวณหัวตาลงมาที่สันจมูก และปลายจมูกจะเชิดขึ้น จมูกทรงนี้จะทำให้หน้าดูเฉี่ยว คม ขึ้น และดูเด็กลงค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง ได้ที่นี่
3. จมูกทรงสันสูง ปลายเชิด การเสริมจมูกทรงนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่มีดั้ง หรือมีจมูกแบนมาก ๆ เพราะจะช่วยทำให้สันจมูกดูโดดเด่นขึ้น อีกทั้งยังเหมาะเป็นทรงจมูกผู้ชายได้อีกด้วย
4. จมูกทรงบาร์บี้ เป็นทรงเสริมจมูกยอดนิยมสุด ๆ ในประเทศเกาหลีค่ะ เนื่องจากทรงจมูกธรรมชาติ จมูกสวย แถมยังเสริมความละมุนให้กับใบหน้า หลายคนจึงมักเรียกจมูกทรงนี้ว่า “ทรงจมูกเกาหลี” โดยการเสริมจมูกทรงบาร์บี้นี้เป็นการเสริมให้สันจมูกยกสูงขึ้น และบีบปลายจมูกให้เล็กลง หลังเสริมจมูกใบหน้าจะดูสวยหวานขึ้น
เทคนิคการเลือกทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้า
การเสริมจมูกทรงที่สวยที่สุดคือ การทำให้มีความสมดุลกับใบหน้ามากที่สุดค่ะ โดยรูปทรงของจมูกควรดูเป็นธรรมชาติ เข้ารับกับใบหน้าโดยรวม
- จมูกควรรับหน้าผาก เช่น คนที่มีหน้าผากสูงสามารถเสริมซิลิโคนทรงสูงได้ เพราะจะดูไม่หลอกตา เป็นต้น
- จมูกควรรับกับโครงหน้าด้านกว้าง เช่น คนที่มีโหนกแก้มใหญ่ไม่ควรเสริมซิลิโคนกลางจมูกให้สูงมาก เพราะจะไม่รับกับความกว้างของใบหน้า เป็นต้น
- จมูกควรรับกับความยาวของใบหน้า ตั้งแต่ไรผม-สันจมูก สันจมูก-ปลายจมูก ปลายจมูก-คาง ทั้ง 3 ส่วนนี้ควรมีความยาวที่สมดุลกัน เช่น คนที่มีหน้าสั้น กลม อาจไม่เหมาะกับการทำทรงหยดน้ำ หรือคนที่มีคางยาวก็ควรเสริมจมูกให้ยาวรับกับใบหน้า เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้แล้วการเลือกทรงจมูกยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์อีกด้วยนะคะ เพราะแพทย์จะต้องใช้ความสามารถในการออกแบบ ดีไซน์ทรงจมูกให้เข้ากับแต่ละบุคคล ซึ่งศัลยแพทย์แต่ละท่านที่ Medmetic by Meko จะเหลาซิลิโคนด้วยเทคนิคพิเศษเคสต่อเคส เพื่อออกแบบทรงจมูกให้เหมาะสมกับรูปหน้าและบุคลิกของคนไข้แต่ละคนมากที่สุดค่ะ
เตรียมความพร้อมก่อนเสริมจมูก
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก มีวิธีการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดดังนี้
1. แจ้งประวัติโรคประจำตัว การแพ้ยา อาหารเสริมที่รับประทาน และประวัติการผ่าตัดให้แพทย์ทราบ
2. งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาจำพวกสเตียรอยด์ ยาแก้ปวด วิตามินทุกชนิด และอาหารเสริมต่าง ๆ ก่อนเข้ารับบริการผ่าตัดเสริมจมูกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
3. งดสูบบุหรี่และงดแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และระยะการบวมที่นานกว่าปกติ
4. ควรอาบน้ำสระผม และทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการผ่าตัด
5. หากมีน้ำมูกจะต้องทานยาลดน้ำมูกให้หายก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก หากมีอาการไอ หรือมีไข้ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า
6. ในวันผ่าตัดงดใส่คอนแทคเลนส์ รีเทนเนอร์ ฟันปลอม และเครื่องประดับทุกชนิด
ขั้นตอนการเสริมจมูก

1. แพทย์จะเริ่มให้ยาชา หรือยานอนหลับ หรือยาชาร่วมกับยากล่อมประสาท โดยจะประเมินจากความซับซ้อนหรือเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด หากเป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดก็จะต้องใช้การวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ แต่ถ้าหากเป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบปิดอาจจะใช้การฉีดยาชาเฉพาะจุด เป็นต้น
2. ในระหว่างการผ่าตัดเสริมจมูก แพทย์จะใช้เทคนิคการผ่าตัดที่แตกต่างกันไปเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไข้แต่ละเคส ตั้งแต่การเหลาซิลิโคน การเปิดแผล ปรับโครงสร้าง ตกแต่ง ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดจะใช้เวลาโดยรวมประมาณ 2-3 ชั่วโมง
3. หลังจากเย็บปิดแผลผ่าตัดเสริมจมูก หรือในบางกรณีแพทย์อาจให้เข้าเฝือกที่จมูก จะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน คนไข้สามารถดูแลทำความสะอาดแผลได้ด้วยตัวเอง
4. แพทย์จะนัดมาติดตามผล ดูอาการ และทำการตัดไหม เมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์
เสริมจมูกพร้อมตัดปีกจมูก
สำหรับใครที่มีปัญหา หรือมีความกังวลว่าเสริมจมูกไปแล้ว แต่ยังมีปีกจมูกใหญ่อยู่ควรทำอย่างไรดี? ในปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมจมูกนิยมทำไปพร้อมกับตัดปีกจมูกควบคู่กันเลย ภายในการผ่าตัดครั้งเดียว โดยส่วนมากจะแก้ไขเฉพาะปีกด้านข้าง ซึ่งมีเพียงแค่ผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น หลังทำจะมองไม่เห็นรอยแผล แถมช่วยเรื่องรูจมูกเล็กลงด้วย
ขั้นตอนการตัดปีกจมูก

ขั้นตอนการตัดปีกจมูกในแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1. ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการผ่าตัดปีกจมูก และเสริมจมูกร่วมกัน
2. ทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก และบริเวณที่จะผ่าตัด
3. จะทำการฉีดยาชา หรือยาสลบ (ยาสลบจะใช้ในกรณีที่คนไข้มีการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดร่วมด้วย)
4. เข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัดปีกจมูก โดยแพทย์จะเริ่มผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินที่กางออก และปรับแต่งโครงสร้างฐานจมูกใหม่ ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดปีกจมูกนี้จะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30-45 นาที
5. เมื่อแพทย์ทำการผ่าตัดปีกจมูกเรียบร้อยแล้ว จะทำการเย็บปิดแผล
วิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก

การดูแลตนเองหลังเสริมจมูกที่ดี จะช่วยให้แผลผ่าตัดหายได้เร็วขึ้น และป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ สำหรับวิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกนั้น ทาง Medmetic ได้นำขั้นตอนการปฏิบัติตัวดี ๆ มาฝากกันค่ะ
- ภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังผ่าตัดเสริมจมูกควรประคบเย็นด้วยเจลประคบ เพื่อลดอาการปวดบวม โดยวางเป็นแนวนอนบริเวณรอบดวงตาและสันจมูก เว้นตรงแผลเอาไว้
- วันที่ 2-6 สามารถแกะเทปสีเนื้อบริเวณสันจมูกออกได้ และค่อย ๆ ดึงเทปสีขาวและผ้าก็อซปิดแผลออก เพื่อล้างแผลในรูจมูก ปีกจมูก (ในกรณีที่ตัดปีกจมูกร่วมด้วย) ทำความสะอาดแผลด้วยไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ
- วันที่ 7 เข้ามาตรวจอาการหลังผ่าตัด
- หลังการผ่าตัดเสริมจมูกห้ามแกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ หรือบริเวณที่มีฝุ่นละอองมาก เพื่อป้องกันการไอ จาม
- หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก ก้มหน้านาน ๆ หรือเล่นกีฬาหนัก ๆ อย่างการวิ่ง การว่ายน้ำ เนื่องจากจมูกยังไม่เข้าที่ดี
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ควรนอนโดยใช้หมอนรองคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดคั่งในโพรงจมูก หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
หลังเสริมจมูกห้ามกินอะไร ?

หลังเสริมจมูกควรดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการอักเสบ หรือแผลติดเชื้อ นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลังเสริมจมูกก็สำคัญนะคะ แต่ก็มีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงหลังผ่าตัดเสร็จ เช่น
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง เพราะอาจส่งผลต่อการอักเสบของแผลผ่าตัด และทำให้แผลหายช้าลงได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัดเสริมจมูก เนื่องจากมีผลต่อการสมานแผล
- งดรับประทานอาหารแข็ง และเหนียว
หลังเสริมจมูกสามารถกินอะไรได้บ้าง ?
หลังเสริมจมูกควรรับประทานอาหารอ่อน กลืนง่าย รับประทานง่าย รวมถึงอาหารที่ช่วยให้แผลสมานเร็ว และช่วยลดอาการบวมช้ำหรืออักเสบของแผลได้ อย่างเช่น ไข่ไก่ หมู เนื้อ ปลาน้ำจืด ผลไม้สีเข้มตระกูลเบอร์รี น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น
เสริมจมูกอันตรายไหม
การเสริมจมูกถือเป็นหนึ่งในการผ่าตัดศัลยกรรม แน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยง รวมถึงผลข้างเคียงอยู่แล้วค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผลข้างเคียงมาก-น้อยแค่ไหน เช่น มีเลือดออก เกิดการติดเชื้อ มีอาการปวดบวม จมูกเบี้ยว ซิลิโคนทะลุ เป็นต้น ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้ง ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การเลือกใช้วัสดุซิลิโคนเสริมจมูก เทคนิคการผ่าตัด การเหลาซิลิโคน ความทันสมัยของเครื่องมือการแพทย์ เป็นต้น
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเสริมจมูกที่ไหนดีควรให้เวลาตนเองในการศึกษาข้อมูลแพทย์ คลินิกเสริมจมูกหรือโรงพยาบาล รวมถึงเทคนิคการผ่าตัดของแต่ละสถานที่ให้มาก ๆ ค่ะ เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่เกิดได้จากการผ่าตัด นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับใบหน้าของเราด้วย
ทำไมต้องเสริมจมูกกับ Medmetic

รีวิวเสริมจมูก พร้อมตะไบปรับโครงสร้าง+รองปลายเนื้อเยื่อก้นกบ by MEDMETIC
การเสริมจมูกกับ Medmetic by Meko สถาบันเสริมความงามในเครือเมโกะ เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่นำทีมโดย นพ. มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ หนึ่งในแพทย์ที่โด่งดังที่สุดของเมืองไทย ได้รับการยอมรับในวงกว้างจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเทคนิคพิเศษเฉพาะที่เมดเมติกที่เดียวเท่านั้น
- Medmetic by Meko มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่งเสริมจมูกโดยเฉพาะ
- ไม่ใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป เพราะแพทย์จะเหลาซิลิโคนตามรูปหน้าและบุคลิกของแต่ละคน
- ขึ้นชื่อเรื่องการเสริมจมูกทรงไอดอล สามารถปรับทรงจมูก และปลายจมูกได้หลากหลายแบบ
- ใช้เทคนิคการเหลาซิลิโคนโดยเฉพาะ ทำให้สามารถลดแรงดันที่ปลายจมูก และลดความเสี่ยงต่อการทะลุของซิลิโคน
- แผลผ่าตัดอยู่ในรูจมูก จึงไม่มีรอยแผลเป็นให้เห็นภายนอก
- ศัลยแพทย์เสริมจมูกแต่ละท่านที่เมดเมติกจำกัดจำนวนคนไข้ในแต่ละวัน เนื่องจากให้ความสำคัญในรายละเอียดและความประณีตของผลงาน
สำหรับผู้ที่สนใจอยากขอรับคำปรึกษา หรือสอบถามรายละเอียดข้อมูล รวมถึงโปรโมชันเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่
โทร. +66 (0) 2-114-3000
Line: @medmetic
Facebook: Medmetic by Meko เมดเมติก บาย เมโกะ
ราคาเสริมจมูก และ โปรโมชั่น
ทำจมูกราคา เท่าไร? ราคาเสริมจมูก และการตัดปีกจมูกราคาในแต่ละเคส จะขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ เกรดวัสดุที่ใช้เสริมจมูก รวมถึงความต้องการของคนไข้ค่ะ ดังนั้นควรปรึกษาและวางแผนการเสริมจมูกร่วมกับแพทย์ก่อนนะคะ สำหรับเสริมจมูกราคาของ Medmetic by Meko มีรายละเอียดดังนี้
เทคนิคที่ใช้เสริมจมูก | ราคา (บาท) |
เสริมจมูกแบบปิดด้วยซิลิโคน USA | 17,900 |
เสริมจมูกแบบปิดด้วยซิลิโคน USA รองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อก้นกบ | 29,900 |
แก้จมูกแบบปิดด้วยซิลิโคน USA รองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อก้นกบ | 36,900 |
คลินิกเสริมจมูก Medmetic by Meko มีโปรโมชันลดราคาศัลยกรรมในแต่ละเดือน รวมถึงมีบริการผ่อน 0% คลินิกเมดเมติกพร้อมให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังทำศัลยกรรมเสริมจมูก หากลูกค้าท่านไหนสนใจสามารถกดดูโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
1. ระหว่างเสริมจมูกผู้หญิง กับ เสริมจมูกผู้ชาย แตกกันหรือไม่ ?
ในปัจจุบันหลาย ๆ คนเริ่มหันมาศัลยกรรมเสริมจมูกตนเองกันมากขึ้นเท่าตัว และยังเป็นที่นิยมของทั้งผู้หญิงและผู้ชายอีกด้วย สำหรับการเสริมจมูกผู้ชายและผู้หญิงจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละคน หากเป็นเคสเสริมจมูกผู้ชาย อาจจะเน้นเรื่องการทำดั้งโด่ง มีสันจมูกตรงสวย หากเป็นเคสเสริมจมูกในผู้หญิง อาจจะเน้นทรงให้อ่อนช้อย มีเส้นโค้ง สันจมูกสโลปลงเอง
2. เป็นคนเนื้อน้อย สามารถทำจมูกได้ไหม ?
หากคนไข้เป็นคนมีเนื้อจมูกน้อย จะสามารถเสริมจมูกเนื้อน้อยได้ค่ะ แต่อาจมีข้อจำกัดรวมถึงความเสี่ยงบางอย่างในการเสริมจมูก เช่น โอกาสจมูกทะลุมากกว่าคนทั่วไป ความโด่ง หรือความเชิดของปลายจมูกที่ทำได้อย่างจำกัด เป็นต้น รวมถึงแพทย์ผ่าตัดเสริมจมูกต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง
3. เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนหน้า สามารถเสริมจมูกได้ไหม ?
สำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์จมูกแล้วอยากกลับมาเสริมจมูก อาจจะต้องทำการขูดเนื้อฟิลเลอร์เดิมออกก่อน เพื่อให้ซิลิโคนมีการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น
4. เสริมจมูกเจ็บไหม ?
ในระหว่างขั้นตอนการเสริมจมูก คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะทำค่ะ เนื่องจากในระหว่างการผ่าตัดจะมีการฉีดยาชา หรือใช้ยาสลบเพื่อบรรเทาไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากนั้นจะต้องกลับไปพักฟื้นร่างกาย เพราะอาจมีอาการบวม ช้ำ ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนเสริมซิลิโคนจมูกค่ะ
5. เสริมจมูกใช้เวลาพักฟื้นเท่าไหร่ ?
หลังจากเสริมจมูกใช้เวลาพักฟื้นนานไหม? หลังจากเสริมจมูกจะต้องใช้เวลาพักฟื้นราว ๆ 5-7 วันค่ะ และต้องเข้ามาติดตามผลและตัดไหมด้วย โดยรวมทั้งหมดแล้วหลังเสริมจมูกจะต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นร่างกาย เพื่อให้อาการบวม รอยช้ำต่าง ๆ จางหายไปประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
6. เสริมจมูกกี่วันแผลหายบวม กี่วันจมูกถึงจะเข้าที่ ?
หลังจากเสริมจมูกไปแล้ว แผลจะค่อย ๆ หายบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป โดยในระยะเวลา 1 สัปดาห์หลังจากผ่าตัด จะค่อย ๆ บวมน้อยลงประมาณ 60% พอก้าวเข้าสู่เดือนต่อ ๆ ไปแผลจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 90%
Reference
Bergen T. (2018, June 15). Rhinoplasty. Healthline. https://www.healthline.com/health/rhinoplasty
Rhinoplasty. (2021, March 02). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/rhinoplasty/about/pac-20384532
Rhinoplasty (Nose Job). (2022, March 11). Clevelandclinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/11011-rhinoplasty