e-Derma Facial Treatment – Ultra-Nourishing Aloe Vera
เพราะผิวหน้า ต้องการการดูแลที่มากกว่า ทางเลือกใหม่ของการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึก เพื่อผิวที่สวยเปล่งประกายออร่ามากกว่าที่คุณเคยสัมผัส ด้วย e-Derma Facial Treatment นวัตกรรมการดูแลผิวหน้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Skin Electroporation จากกระแสไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เข้ามาช่วยในการผลักยาหรือวิตามิน เพื่อให้สามารถซึมลงสู่ผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ มากกว่าการใช้ไอออนโต หรือโฟโนถึง 6-10 เท่า
คุณสมบัติพิเศษ
1.ผิวได้รับการดูแลได้อย่างล้ำลึกขึ้นถึงชั้นหนังแท้
2.ตัวยาหรือวิตามินสามารถซึมลงสู่ผิวได้ดีกว่าการทำทรีตเมนต์ปกติ
3.ไม่เจ็บตัวและไม่มีรอยช้ำหลังการทำ
4.เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยและต้องการการบำรุงที่มากพิเศษ
เหมาะกับใคร
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว
- ผิวขาดความชุ่มชิ้น มีริ้วรอย
- ผิวแพ้จากสารเคมี
- ผิวแพ้จากสารเคมี – ผิวไหม้จากแดด ผิวอักเสบมีรอยแดงจากสิว
ขั้นตอนการทำ e-Derma Facial Treatment
1.ทำความสะอาดผิวหน้า เริ่มจากการโอบครีม โดยจะใช้คลีนซิ่งมิลล์ แต้ม 5 จุด แล้วนวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า เสร็จแล้วใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆเช็ดให้ทั่วบริเวณใบหน้า
2.เตรียมผิวหน้า ด้วยการทาวิตามินให้ทั่วบริเวณใบหน้า เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้ม คาง โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก จากนั้นจะใช้เครื่องผลักวิตามินวนในแต่ละจุด เพื่อผลักวิตามินลงสู่ผิวลึกถึงชั้นหนังแท้
3.เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าหลังทำ ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆให้ทั่วผิวหน้าจนสะอาด หลังจากนั้นก็จะใช้เจลประคบเย็นมาประคบเบาๆที่ผิว เพื่อกระชับรูขุมขน
4.บำรุงผิวหน้าหลังทำ ด้วยการทา moisturizer เพื่อช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านหลังจากทำทรีตเมนต์ และทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
5.นวดกระชับใบหน้า 16 จุด และบริเวณคอ บ่า ไหล่ เพื่อผ่อนคลายหลังทำเสร็จ
ระยะเวลาในการรับบริการ
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ต่อ ครั้ง และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคลด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- ช่วยบรรเทาผิวจากอาการแพ้สารเคมี
- ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว
- ช่วยลดอาการระคายของผิว จากการแพ้ต่างๆ
ข้อห้ามหรือข้อควรระวัง
1.ผู้ที่เป็นสิวอักเสบเรื้อรัง ควรระมัดระวังในการทำทรีตเมนต์นี้
2.ห้ามทำการรักษาในคนไข้ที่ตั้งครรภ์อยู่
3.ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังต่างๆ โรคเริม ควรงดการทำทรีตเมนต์นี้
4.ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์หรือฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำทรีตเมนต์นี้ได้ หลังจากฉีดไปแล้ว อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
5.ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือใส่เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของของหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
6.ผู้ที่ประวัติลมชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ