ฉีด กดสิว
สิวคืออะไร?
การเกิดความผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิว บางทีอาจอุดตันจนทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นเกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบได้ สิวสามารถพบได้ทั้งบริเวณใบหน้า หน้าอก หลัง
สิวแยกเป็น 2 ประเภท
1. สิวอุดตัน
- สิวหัวดำ(Blackheads) มีลักษณะเป็นตุ่มสีดำเล็กๆใต้ผิวหนัง เกิดจากการอุดตันของเซลล์ ผิว แบคทีเรีย และน้ำมันในรูขุมขน
- สิวหัวขาว(Whiteheads) มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวใต้ผิวหนัง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และสิ่งตกค้างในรูขุมขน
2. สิวอักเสบ
- สิวตุ่มแดง(Papules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
- สิวตุ่มหนอง(Pustules) ลักษณะคล้ายกับสิวตุ่มแดง แต่จะมีหัวหนองอยู่บริเวณกลางตุ่ม
สิวทั้ง 2 ประเภทเป็นสิวที่ไม่ควรบีบเอง แต่ควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจากแพย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น
การฉีดสิว : ฉีดสารสเตียรอยด์ไปตรงบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ สามารถลดการอักเสบได้อย่างรวดเร็ว สามารถช่วยให้สิวยุบได้รวดเร็วกว่าการทายาทั่วๆไป และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหลุมสิวอีกด้วย
การกดสิว : การกดสิวก็ช่วยนำหัวสิวออกมา ทำให้สิวหัวขาวหรือสิวหัวดำที่นูนอยู่ยุบตัวได้ หากปล่อยไว้ไม่กดอาจเกิดสิวอักเสบได้ในอนาคต ใช้อุปกรณ์อเฉพาะที่ช่วยในการสะกิดเปิดหัวสิว และกดสิวออกมา
สิวขึ้นบริเวณไหน ศัลยกรรมจมูกไม่ได้?

สิวอักเสบ สิวหนอง สิวเพิ่งยุบไม่กี่วัน หากเกิดขึ้นบริเวณ ระหว่างคิ้ว หน้าแก้มที่ใกล้จมูก สันจมูก ปลายจมูก ริมฝีปากบน จะยังไม่สามารถศัลยกรรมจมูกได้ ต้องรอให้หายดีก่อนค่ะ
หลุมสิว รอยสิว
“หลุมสิว รอยสิว” สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากสิวหายแล้ว หรือสามารถเกิดรอยสิวในขณะที่กำลังเกิดสิวอักเสบอยู่ก็ได้ การรักษาผิววิธีจะทำให้ทิ้งรอยสิวไว้หลังการรักษา ได้แก่ รอยแดง รอยดำ และรอยหลุมสิว
- รอยดำทั่วไปที่เกิดจากสิว
รอยดำจากสิวถ้ายิ่งเข้มและจะยิ่งหายช้า ปกติจะจางลงได้เองตามธรรมชาติ แต่อาจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนหรือบางทีอาจมากกว่านั้น
- รอยหลุมสิวตื้น (Rolling Scar)
เกิดจากสิวอักเสบที่ซ่อมแซมตัวเองด้วยการสร้างพังผืด ทำให้ผิวยุบตัวลง มีรอยแผลกว้าง รอยหลุมสิวลักษณะรูปร่างคล้ายคลื่น
- รอยหลุมสิวกล่อง (Box Scar)
ความอลังการของหลุมมากกว่าหลุมสิวตื้นๆ เห็นชัดขึ้น เลเซอร์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา
- รอยหลุมสิวจิก (Ice pick scar)
มาถึงฝันร้ายที่ตื่นมาไม่หายไปของคำว่าหลุมสิว นี่คือรอยหลุมสิวที่รุนแรงที่สุด สิวกินไปถึงรูขุมขน ต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน แต่ยังสามารถหายได้
วิธีการรักษาหลุมสิว รอยสิว
1 .เลเซอร์ (Laser) ปัจจุบันมีเลเซอร์เพื่อรักษารอยสิวและหลุมสิวแบบตรงจุด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ของผิว ส่งผลให้หลุมสิวตื้นขึ้นกว่าเดิม
2.การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปตำแหน่งบริเวณที่เป็นหลุมสิว หรือเป็นรอยบุ๋มจากหลุมสิว จะช่วยทำให้หลุมสิวเต็มตื้นขึ้น และทำให้ผิวเรียบเนียน
3.การตัดพังผืดใต้ชั้นผิว (Subcision) ใช้ได้กับรอยสิวที่เกิดผังผืดอยู่ใต้ชั้นผิวและฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ การตัดพังผืดใต้ผิวจะช่วยให้ผิวสามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คีลอยด์ แผลเป็น
แผลเป็นเกิดจากอะไร
แผลเป็น เกิดจากกลไกลของการรักษาแผลของร่างกาย ไม่ว่าจะเกิดแผลอะไรขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจน ให้ช่วยสร้างเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ เพื่อทำให้บาดแผลสมานกัน
แผลเป็นแบ่งออกได้หลายรูปแบบ
1. แผลเป็นจากสิว (Acne Scars) เกิดจากสิวอักเสบรุนแรงจนกลายเป็นแผลเป็น เช่น ผิวเป็นคลื่น ขรุขระรอยหลุมสิว
2. แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scars) เกิดจากกลไกลการรักษาแผลของร่างกายไม่สมดุล ทำให้บริเวณแผลนูนแดง แต่จะนูนแดงบริเวณแผลเท่านั้น
3. แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid Scars) พบมากในผู้มีสีผิวเข้ม จะมีลักษณะคล้ายกับแผลเป็นนูน แต่หากเป้นคีลอยด์เนื้อเยื่อจะโตเลยออกมานอกบริเวณแผล
แผลเป็นส่งผลมีกระทบอย่างไร?
แผลเป็น อาจส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดแผลเป็น อายุ และเพศของแต่ละบุคคลด้วย
วิธีการยรักษาแผลเป็นมีอะไรบ้าง?
1. การทายาลดรอยแผลเป็น ตัวยาจะมีส่วนประกอบช่วยลดการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้แผลเป็นที่เป็นรอยแดง รอยดำจะค่อยๆ จางลง ตัวยามีทั้งแบบเป็นซิลิโคน เจลแปะ เจลเหลว
2. การทำเลเซอร์ ปัจจุบันมีนวัตกรรมเครื่องเลเซอร์ที่ล้ำสมัยมากมาย วิธีนี้เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลเร็ว เหมาะกับรอยแผลเป็นทั่วๆไปหรือรอยสิว
3. การฉีด เหมาะกับแผลเป็นคีลอยด์โดยเฉพาะ เป็นการฉีดยาซึ่งเป็นสารเสตียรอยด์เข้าไปบริเวณแผลเป็นนูน ส่งผลให้แผลเป็นนิ่มและค่อยๆเล็กลง จนหายไปในที่สุด เห็นผลรวดเร็วและชัดเจน