E-Derma Facial Treatment – Super Power C
เพราะผิวหน้า ต้องการการดูแลที่มากกว่า ทางเลือกใหม่ของการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึก เพื่อผิวที่สวยเปล่งประกายออร่ามากกว่าที่คุณเคยสัมผัส ด้วย e-Derma Facial Treatment นวัตกรรมการดูแลผิวหน้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Skin Electroporation จากกระแสไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เข้ามาช่วยในการผลักยาหรือวิตามิน เพื่อให้สามารถซึมลงสู่ผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ มากกว่าการใช้ไอออนโต หรือโฟโนถึง 6-10 เท่า
คุณสมบัติพิเศษ
- ผิวได้รับการดูแลได้อย่างล้ำลึกขึ้นถึงชั้นหนังแท้
- ตัวยาหรือวิตามินสามารถซึมลงสู่ผิวได้ดีกว่าการทำทรีตเมนต์ปกติ
- ไม่เจ็บตัวและไม่มีรอยช้ำหลังการทำ
- เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยและต้องการการบำรุงที่มากพิเศษ
ขั้นตอนการทำ e-Derma Facial Treatment
- ทำความสะอาดผิวหน้า เริ่มจากการโอบครีม โดยจะใช้คลีนซิ่งมิลล์ แต้ม 5 จุด แล้วนวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า เสร็จแล้วใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆเช็ดให้ทั่วบริเวณใบหน้า
- เตรียมผิวหน้า ด้วยการทาวิตามินให้ทั่วบริเวณใบหน้า เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้ม คาง โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก จากนั้นจะใช้เครื่องผลักวิตามินวนในแต่ละจุด เพื่อผลักวิตามินลงสู่ผิวลึกถึงชั้นหนังแท้
- เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าหลังทำ ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆให้ทั่วผิวหน้าจนสะอาด หลังจากนั้นก็จะใช้เจลประคบเย็นมาประคบเบาๆที่ผิว เพื่อกระชับรูขุมขน
- บำรุงผิวหน้าหลังทำ ด้วยการทา moisturizer เพื่อช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านหลังจากทำทรีตเมนต์ และทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
- เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยนวดกระชับใบหน้า 16 จุด และบริเวณคอ บ่า ไหล่ เพื่อผ่อนคลายหลังทำเสร็จและต้องการการบำรุงที่มากพิเศษ
ระยะเวลาในการรับบริการ
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ต่อ ครั้ง และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคลด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้จาก e-Derma Facial Treatment
- ช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ
- ช่วยลดจุดด่างดำ รอยดำจากฝ้ากระ
- ลดดำจากสิว
- ลดรอยดำรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส
ข้อควรระวัง e-Derma Facial Treatment
- ผู้ที่เป็นสิวอักเสบเรื้อรัง ควรระมัดระวังในการทำทรีตเมนต์นี้
- ห้ามทำการรักษาในคนไข้ที่ตั้งครรภ์อยู่
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังต่างๆ โรคเริม ควรงดการทำทรีตเมนต์นี้
- ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์หรือฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำทรีตเมนต์นี้ได้ หลังจากฉีดไปแล้ว อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือใส่เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของของหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ที่ประวัติลมชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ